ลัฟร์ เกออร์กีเยวิช คอร์นีลอฟ (
รัสเซีย: Лавр Гео́ргиевич Корни́лов; 30 สิงหาคม [ตามปฎิทินเก่า: 18 สิงหาคม] ค.ศ. 1870 – 13 เมษายน ค.ศ. 1918) เป็นนายทหาร
คอสแซ็กไซบีเรีย เจ้าหน้าที่
ข่าวกรองทางทหาร นักสำรวจ และนายพลแห่ง
กองทัพจักรวรรดิรัสเซียที่บทบาทสำคัญทั้งในช่วง
สงครามรัสเซีย–ญี่ปุ่น สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง การปฏิวัติรัสเซียทั้งสองครั้งใน ค.ศ. 1917 และ
สงครามกลางเมืองที่ต่อเนื่องมา เขาเป็นที่กล่าวขานในประวัติศาสตร์การเมืองรัสเซียในฐานะผู้ก่อการกบฏต่อ
รัฐบาลชั่วคราวของ
อะเลคซันดร์ เคเรนสกี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "
เหตุการณ์คอร์นีลอฟ"คอร์นีลอฟเกิดเมื่อ ค.ศ. 1870 ในพื้นที่
เตอร์กิสถาน ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียนทหาร
ออมสค์และโรงเรียนทหารปืนใหญ่ใน
เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก ซึ่งใน ค.ศ. 1892 เขาได้รับยศร้อยโทและเข้าประจำการอยู่ที่มณฑลทหารเตอร์กิสถาน ซึ่งช่วงเวลานี้ เขาได้เป็นผู้นำในการสำรวจพื้นที่
เตอร์กิสถานตะวันออก อัฟกานิสถาน และ
เปอร์เซียอยู่หลายครั้ง และมีโอกาสได้เรียนภาษาเอเชียกลางเป็นจำนวนมาก จากนั้นเขาจึงกลับมาที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อเข้าศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกและได้รับเลื่อนขั้นเป็น
ร้อยเอกใน ค.ศ. 1897 และกลับมาประจำการที่เตอร์กิสถานอีกครั้งในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารในช่วง
สงครามรัสเซีย–ญี่ปุ่น ค.ศ. 1904-1905 คอร์นีลอฟดำรงตำแหน่งเสนาธิการกองพลน้อยทหารราบที่ 1 และได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญเกออร์กี (ชั้นที่ 4) รวมทั้งได้รับเลื่อนยศเป็น
พันเอกสำหรับความกล้าหาญของเขาในสงคราม หลังสงครามสิ้นสุดลง เขาจึงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยทูตทหารใน
จีนตั้งแต่ ค.ศ. 1907–1911 ต่อมาเขากลายเป็นผู้บัญชาการกรมทหารราบที่ 8 แห่ง
เอสโตเนีย และไม่นานก็ได้รับการเลื่อนตําแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองพลไรเฟิลไซบีเรียที่ 9 ใน
วลาดีวอสตอคเมื่อ
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งดำเนินขึ้น คอร์นีลอฟได้รับเลื่อนยศเป็นพลตรีในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1915 และในเดือนเมษายน ปีเดียวกัน เขาถูก
กองทัพออสเตรีย-ฮังการีจับเป็นเชลย แต่ก็สามารถหลบหนีออกมาได้ ทำให้เขาได้รับชื่อเสียงจากชาวรัสเซียอย่างมาก ถึงขนาดที่
จักรพรรดินีโคไลที่ 2 พระราชทานเหรียญวีรบุรุษให้แก่เขา และใน ค.ศ. 1916 เขาดํารงตําแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 25 ในแนวรบตะวันตกเฉียงใต้ภายหลัง
การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ คอร์นีลอฟได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการมณฑลทหาร
เปโตรกราดโดยรัฐบาลชั่วคราวชุดใหม่ เขาเป็นผู้ดำเนินการกักบริเวณ
จักรพรรดินีอะเลคซันดราและพระราชบุตรในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917 จากนั้นในเดือนพฤษภาคม เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 8 และเลื่อนยศเป็นนายพลทหารราบในเดือนถัดมา ในเดือนกรกฎาคม เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัฐบาลชั่วคราวแทนที่นายพล
อะเลคเซย์ บรูซีลอฟ อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน คอร์นีลอฟและผู้สนับสนุนได้นำกำลังเข้าสู่เมืองหลวงและเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ซึ่งความพยายามรัฐประหารในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อล้มล้างอำนาจรัฐบาลชั่วคราวของเคเรนสกีและยุบ
สภาโซเวียตเปโตรกราด แต่ท้ายที่สุดเขาและพรรคพวกพ่ายแพ้และถูกจับกุม ด้วยเหตุการณ์นี้ เป็นผลให้ประชาชนหันไปสนับสนุน
บอลเชวิคและนําไปสู่
การปฏิวัติเดือนตุลาคมในเวลาต่อมาหลังการโค่นล้มรัฐบาลชั่วคราวและการเถลิงอำนาจของบอลเชวิค คอร์นีลอฟนำกองกำลังที่เรียกว่า "
กองทัพอาสาสมัคร" (Volunteer Army) มาตั้งมั่นอยู่ที่
คูบันและเข้าปิดล้อม
เยคาเตรีโนดาร์ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1918 แต่สามวันหลังจากนั้น เขาถึงแก่อสัญกรรมจากการโดนกระสุนฝ่าย
กองทัพแดงตกใส่บนที่พำนัก แม้ว่าร่างของเขาถูกฝังอย่างลับ ๆ แต่ต่อมาไม่นานบอลเชวิคได้ขุดโลงศพของเขาขึ้นมาและนำไปแสดงต่อสาธารณชนใกล้เคียง ก่อนที่จะนำไปเผาบนกองขยะของหมู่บ้าน